งานขายของออนไลน์นั้น เป็นงานอิสระและสร้างโอกาสให้กับคนหลายๆ คน เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว คนในสังคมหันมาช็อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น เพราะสะดวกสบาย ไม่ต้องเหนื่อยออกไปตะลอนหาของที่ต้องเผชิญกับปัญหารถติด แดดร้อน ราคาของสินค้าบางทีก็แทบจะไม่
ลูกค้าชอบจึงเป็นโอกาสของนักขายที่จะทำกำไรให้ร่ำรวยไปตามๆ กัน แต่ในเมื่อใครๆ ก็คิดแบบนั้น จึงไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้อย่างที่คิด ทฤษฎีการค้าขายก็มีอยู่ว่า จะขายให้ได้ดีก็ต้องมีการวางแผนการตลาด มีการจัดตำแหน่งสินค้า ต้องมีการศึกษาคู่แข่ง วิเคราะห์ก่อนลงทุน และที่สำคัญต้องมีการทำการตลาด เรามาถอดทฤษฎีให้เป็นหลักการลงมือทำง่ายๆ ดีกว่า
ขายแล้วจะทำให้รวยได้จากไหน
จะรวยได้ก็ต้องมีเงินเข้าเยอะ เงินเข้าเยอะก็เกิดจาก ราคาขาย-ต้นทุน = กำไร ซึ่งกำไรมากมาจาก 3 ทาง คือ 1. ราคาขายสูง 2. ต้นทุนต่ำ แต่ต้องอยู่ภายใต้การขายดิบขายดีด้วยนะ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องตีโจทย์สมการเพื่อให้เป็นอย่างที่ว่า
ทำอย่างไรให้ขายได้ราคาสูง
สินค้าที่จะขายได้ราคาสูง ก็คือสินค้าที่ลูกค้าต้องการและปราศจากคู่แข่ง คุณจึงจะมีสิทธิตั้งราคาได้เอง เพราะฉะนั้นจึงนำไปสู่ประเภทสินค้าว่าคุณควรจะขายอะไร อย่าขายของที่ใครๆ ก็หามาขายได้ และต้อง สร้างสตอรี่ให้สินค้า สร้างแบรนด์ตัวคุณ แบรนด์สินค้าที่ใครก็ไม่อาจเลียนแบบ
ทำอย่างไรจึงจะได้ราคาต้นทุนต่ำ
ต้นทุนจะต่ำได้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่คุณซื้อหา สินค้าจากแหล่งผลิตและซื้อครั้งละจำนวนมากจะได้ต้นทุนต่ำ ก็โยงไปถึง จะซื้อมากได้คุณต้องขายดี เพราะถ้าซื้อมากแต่ของออกได้น้อย หมายถึงต้นทุนที่จมอยู่กับตัวสินค้า
ทำอย่างไรจึงจะขายดี
จุดนี้แหละสำคัญ ลูกค้าต้องรู้จัก เรื่องนี้อาจต้องพึ่งการตลาด การโฆษณาออนไลน์ โปรโมทเพจ โฆษณาเฟสบุ๊ค โปรโมทโพส สักหน่อย เมื่อรู้จักแล้ว การกระตุ้นให้ตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับคุณในการปฏิสัมพันธ์ ให้ลูกค้าประทับใจในสินค้าและบริการ จะได้ช่วยบอกต่อ
ที่สุดแล้ว งานขายสินค้าเป็นศาสตร์และศิลป์ ทำเหมือนกันไม่ใช่ว่าจะขายดีเหมือนกัน
การสร้างโพสต์ให้มีประสิทธิผลมากขึ้น
1.เน้นข้อความสั้นกระชับผู้คนชอบกวาดตามองใน Facebookหรือ โฆษณาบนเฟสบุ๊ค เขียนข้อความให้สั้นกระชับเพื่อการตอบรับที่ดีกว่า
2.ใช้รูปภาพสวยๆ ขนาดใหญ่ โพสต์โดยใช้รูปภาพและวิดีโอที่สะดุดตาจะโดดเด่นในฟีดข่าว โปรโมพโพส ทำให้ผู้คนถูกใจ แสดงความคิดเห็นและแชร์ได้มากขึ้น
คุณไม่จำเป็นต้องจ้างช่างภาพมืออาชีพหรือใช้กล้องหรูหรา เพียงแต่ต้องแสดงสินค้าและการบริการให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
3.แชร์เนื้อหาและข้อมูลพิเศษด้วยโฆษณาบน Facebook เสนอข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้าเพื่อสร้างความสนใจและกระตุ้นยอดขาย หากคุณมีลูกค้าประจำ แจ้งกิจกรรมพิเศษหรือข้อเสนอเพื่อเป็นรางวัลให้ลูกค้าทราบ
4.โพสต์สิ่งที่ลูกค้าต้องการ คุณจะสามารถโพสต์ในสิ่งที่ลูกค้าชื่นชอบได้เมื่อรู้ว่าลูกค้าตอบรับอย่างไร การโพสต์ลงเพจเน้นที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ จากจุดนี้ คุณสามารถโพสต์สิ่งที่ลูกค้าชอบและเลี่ยงโพสต์ที่ลูกค้าไม่ชอบได้
ทุกวันนี้ ธุรกิจกว่าสามล้านรายกำลัง #ลงโฆษณาเฟสบุ๊ค #โปรโมทเพจ อย่างสม่ำเสมอบน Facebook โดยมากกว่า 70%
ธุรกิจเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวและภารกิจเฉพาะของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นหรือสุขภาพ ความมั่นใจหรือความคิดสร้างสรรค์ ธุรกิจแต่ละรูปแบบก็ล้วนแล้วแต่พยายามที่จะเสนอสิ่งที่พิเศษและแตกต่างให้แก่ลูกค้าและชุมชนของตน
เพิ่มช่องทางการค้าด้วย โฆษณาผ่านเฟสบุ๊ค โปรโมทเพจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น